ปัจจุบัน ตลาดน้ำหอมในประเทศไทยมีด้วยกัน 3 ระดับ ได้แก่ น้ำหอมเคาน์เตอร์แบรนด์หรือแบรนด์เนม ขวดละหลายพันบาท รองลงมาคือน้ำหอมแบรนด์ไทยเกรดใกล้เคียงแบรนด์เนม มีดัง ๆ อยู่ไม่กี่ยี่ห้อ เช่น น้ำหอมมาดามฟิน โทรโพสเฟียร์ และน้ำหอมกัลยา สุดท้าย คือระดับล่างสุด เช่น น้ำหอมซีซี หรือ น้ำหอมการบินไทย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มน้ำหอมปลอม
คุณฤทัยรัตน์ ประสมทรัพย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์น้ำหอมกัลยา และกรรมการผู้จัดการบริษัท งามดีช้อปปิ้ง จำกัด กล่าวว่า น้ำหอม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายง่ายกว่าเครื่องสำอางอื่น ๆ เนื่องจาก ไม่ต้องกังวลว่าจะขาวภายในกี่วัน จะแพ้หรือไม่ การขายน้ำหอม ไม่ต้องถามด้วยซ้ำว่าหอมหรือเปล่า แค่ดูว่าถูกใจกลิ่นไหนเท่านั้น
พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทย ที่สามารถช้อปปิ้งได้ทุกที่ ไม่ว่าจะในห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด หรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน ทำให้น้ำหอมกัลยา สามารถขายได้ทุกที่เช่นเดียวกัน
จากการทำตลาดมา 3 ปี พบว่า น้ำหอมกลิ่นซิกเนเจอร์ของกัลยา ขายดีกว่าน้ำหอมกลิ่นเทียบเคียงแล้ว เนื่องจากผู้บริโภค ต้องการอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ทั้งกลิ่นซิกเนเจอร์ของกัลยายังถูกเบลนด์ (Blend) มา เพื่อให้เหมาะกับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นกายของคนไทยด้วย เช่นกลิ่น เค เฟรช ที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันมาหลายปี
สำหรับผู้ที่อยากมีอาชีพขายน้ำหอม สิ่งสำคัญคือ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมาย มีการจดเครื่องหมายการค้ารับรอง และเป็นน้ำหอมที่มีคุณภาพดี ติดทนนาน กลิ่นไม่เพี้ยน ไม่ติดเปรี้ยว หรือฉุนแสบจมูก ส่วนการเลือกทำเลในการขายนั้น ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือตลาดนัด ต้องดูที่ค่าเช่าที่เป็นหลัก อย่าให้เกินวันละ 500 บาท
นอกจากนี้ ยังสามาถนำน้ำหอมกัลยาไปฝากวางตามร้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็น (visibility) และเพิ่มยอดขาย เช่น ร้านเครื่องสำอาง ร้านทำเล็บ ร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ร้านทำผม ซึ่งน้ำหอมกัลยาให้สัดส่วนกำไรมากพอที่ผู้จำหน่าย จะสามารถไปแบ่งได้กับเจ้าของสถานที่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้ร้านค้า โดยไม่มีต้นทุน
สำหรับกิจกรรม สอนอาชีพการขายน้ำหอม ครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ห้องประชุมนกฮูก ร้านกัลยาคาเฟ่ ถนนสรงประภา ใครที่สนใจอยากมีอาชีพ มีรายได้เสริม สามารถติดต่อเข้ามาปรึกษากับคุณฤทัยรัตน์ได้โดยตรง ที่ LINE@kanlayaperfume หรือ โทร. 0635366995