แม่ลูกติวเอง

วิธีเลือกโรงเรียนให้ลูก

วิธีเลือกโรงเรียนให้ลูก

ข้อควร ชวนคิด วิธีเลือกโรงเรียนให้ลูก

ถ้าชอบช่วยกดไลก์ กดแชร์ ให้แม่มิ้วและน้องปุนด้วยนะคะ และอย่าลืมกดติดตามด้วยนะคะ…ขอบพระคุณมากค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ควรข้อคิดต่างๆ เหล่านี้มาพิจารณากันนะคะ

เล่าก่อนเลยว่า ตอนนี้ที่บ้านต้องปรับตัวกันเยอะมากเรื่องการตื่นเช้า เพื่อให้ไปทันโรงเรียนเข้า จากปกติที่เค้าอยู่อนุบาล เค้าสามารถเข้านอนได้ประมาณ 22.00 น. ตื่นได้ 7.00 น. เพื่อไปให้ทันโรงเรียน 8.30 น. แต่….ตอนนี้ต้องตื่น ไม่เกิน 6.10 น. เพื่อไปให้ทันโรงเรียน 7.20 น.

ทุกอย่างตอนเช้ารีบไปหมด รีบอาบน้ำ รีบแต่งตัว รีบกินข้าว ไม่ต้องถามเลยว่าแม่กับพ่อตื่นกี่โมง 5.30 น. จ้า เกินนี้เป็นอันสาย และที่บ้านเราไม่มีนโยบายให้กินข้าวบนรถ ทุกอย่างต้องเสร็จจากที่บ้าน ก็ต้องเป็นไปตามนี้ ระหว่างนั่งรถถ้าลูกง่วง ก็หลับเลยจ้า แต่ถ้าไม่ง่วงก็นั่งฟังเพลง ร้องเพลง คุยกัน …. ตอนกลับ ก็หลับจ้า ถ้าไม่หลับก็คุยกันเช่นเดิม

เรามาพูดถึงข้อชวนคิด ในการเลือกโรงเรียนให้ลูกกันดีกว่า
1. ต้องหาโรงเรียนไว้ในข้อพิจารณาสัก 2-3 โรงเรียน

เพื่อที่เราจะได้ทราบข้อมูลการเรียนการสอนแบบหลากหลาย ไว้เป็นข้อพิจารณาในการจะตัดสินใจเลือกโรงเรียนไหนดี เพราะแต่ละโรงเรียนก็จะมีวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน มีเทคนิคการสอนที่แตกต่างกัน ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าตัดสินใจเพราะคนอื่นว่าดี หรือ ลูกเพื่อนเรียนที่นี้

2. ลูกเราชอบโรงเรียนใหม่ไหม??

ก่อนที่คุณพ่อกับคุณแม่จะตัดสินใจ ลองถามลูกดูก่อนนะคะว่าชอบโรงเรียนนี้มั้ย เป็นยังไรบ้าง ลูกคิดว่ายังไงถ้าเราจะเปลี่ยนมาเรียนที่นี้

3. ระยะทาง??

คือ ไกลมากไม ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ สภาพการจราจรตอนเช้า และเย็นเป็นอย่างไรบ้าง ทรหดมากไหม

4. ต้องตื่นกี่โมง??

อย่างที่เล่าไปแล้วว่า ต้องมีการปรับตัวเยอะ แต่ข้อแนะนำอย่างหนึ่งคือ ถ้าลูกและพ่อแม่ ไม่ต้องตื่นเช้าอย่างโหดร้ายมาก ก็จะเป็นการดี

5. ค่าเทอมเท่าไร??

ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่แม่มิ้วพิจารณาเหมือนกัน เพราะถ้าแพงไป เราก็จะเหนื่อยมาก ต้องคำนวนแล้วเอาที่เราไหว อย่าลืมลองคิดบวกเผื่อค่าเดินทาง ค่าขนมตอนเย็นด้วยนะคะ

6. ต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมต้องย้ายโรงเรียน (ถ้าเปลี่ยนจากอนุบาลเป็นประถม)

ลูกจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องย้าย เพราะเค้าเคยชินกับสถานที่เดิม สนิทกับเพื่อนแล้ว มีสาวที่ชอบแล้ว ก็ต้องทำความเข้าใจกันนิดหน่อย

เอาเป็นว่าแล้วแต่บ้านไหนจะมีวิธีการเลือกและปรับตัวอย่างไร ตามสไตล์ของแต่ละบ้านนะคะ แต่อย่าลืมถามคุณลูกนะคะ เพราะเค้าเป็นคนเรียน เป็นคนที่ต้องอยู่ที่นั้น ต้องเอาความคิดเค้าเป็นหลัก