RSV เริ่มกลับมาระบาดอีกแล้ว
วิธีสังเกตอาการว่าติดเชื้อไวรัส RSV หรือไม่
ในช่วงแรกน้องก็จะเหมือนไม่สบายปกติ มีไอ มีน้ำมูก และมีเสมหะ คุณแม่บางท่านอาจจะละลเยการล้างจมูก ซึ่งจริงๆแล้วการล้างจมูกเป็นการกำจัดเชื้อโรคในเบื้องต้นได้ดีมากๆ คุณแม่ควรล้างจมูกให้น้องอย่างน้อยวันละ 3 ครั้งเลยค่ะ ในช่วงแรกอาการแรกเริ่มจะเริ่มมีไข้ มีเสมหะเยอะมาก
สิ่งสำคัญของเชื้อไวรัส RSV คือ เสมหะที่ลงปอด คุณแม่ต้องสังเกตเสียงไอของลูก ถ้าเสียงแน่นๆๆ ลึกๆๆ ตอนนอนนอนแทบไม่ได้เพราะไอตลอดเวลาเลย นั้นคือ ลงปอดเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าไอแบบเสียงใสๆๆ รีบพาไปหาหมอเลยค่ะ
เมื่อลูกเป็น RSV
ตอนนั้นที่น้องปุนเป็น น่าจะอายุประมาณ 3-4 ขวบ เมื่อมีอาการคุณแม่ก็รีบพาส่งโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน คุณหมอเก็บสารคัดหลั่งและส่งตรวจทันที่ และคุณหมอสั่งให้นอนโรงพยาบาลทันที่ และเจาะเลือดเพื่อให้น้ำเกลือ เพราะน้องไม่ยอมทานอะไรเลย
ช่วงบ่ายๆ คุณหมอมาแจ้งผลว่าลูกติดเชื้อไวรัส RSV คุณหมอเริ่มให้ยาตามอาการ และดูอาการ 1 วันจนวันที่ 2-3 คุณหมอเริ่มให้นักกายภาพมาเคาะปอด พร้อมกับพูดคุยกับพ่อแม่เพื่อจะขอดูดเสมหะที่ลำคอและจมูก เราไม่รู้หรอกว่าเค้าดูดหรือมีวิธีการอย่างไร แต่สิ่งที่คุณหมอแนะนำน่าจะดีที่สุด ก็ให้ทำตามนั้น
เริ่มจากพ่นยา 4 เวลา เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน จากนั้นมีนักกายภาพมาเคาะปอด แล้วจะเร่มมีพยาบาลมามัดตัวลูก เพื่อที่ดูดเสมหะที่จมูกและลำคอ
มันเป็นภาพที่คนเป็นแม่น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ลูกทรมานมาก ลูกเจ็บ ลูกร้อง ลูกกลัว คุณพ่อไม่กล้าดูเลย ครั้งแรก น้องร้องจนเหนื่อยหลับไปเลย เราก็พยายามปลอบใจลูก และพยายามปลอบใจกันเอง คืนนั้นนอนกอดลูกตลอดเลย น้ำตายังไหลอยู่เลย
ขอย้ำอีกทีว่า เรื่องนี้ไม่มีดราม่า ไม่มีการตำหนิหมอหรือ ร.พ.แต่อย่างใดนะคะ ร.พ.ให้บริการดีมาก คุณหมอก็รักษาดีมาก เป็นไปตามขั้นตอนการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว เพียงแต่เราสงสารลูกเหลือเกินที่ต้องเห็นเขาทุกข์ทรมานจากการดูดเสมหะ
วันต่อมา เมื่อน้องเห็นเครื่องมือที่จะใช้ดูดเสมหะ เริ่มรู้ ร้องก่อนเลย เหมือนเดิม แม่ร้องไห้อีกแล้ว ความเจ็บปวดทรมานของลูกยิ่งทำให้แม่เจ็บปวดหัวใจ เป็นแบบนี้ประมาณ 4-5 วัน จากที่ทานอะไรไม่ได้เลย แม่ก็เริ่มให้กินมะม่วงแช่เย็น เพราะคิดเอาเองว่ามันกลืนง่ายและมันเย็นชื่นใจ และมะม่วงมีรสหวานจะได้เพิ่มกำลังให้น้องได้บ้าง
วันแรกปรากฏว่ากินเกือบหมดลูกเลย แม่ใจชื้นขึ้นมาหน่อย จากแรกที่ดูดเสมหะวันละ 2 รอบ เหลือวันละ 1 รอบ น้องเริ่มเจ็บน้อยลง แต่ยังคงร้องทุกรอบ แต่หยุดง่ายกว่าเดิม หมอบอกว่าต้องดูดไปอีก 7-10 วัน แต่แม่ไม่ยอมแล้ว แม่ไม่ยอมให้ดูดเสมหะลูกแล้ว คือตอนนั้นน้องเริ่มอาการดีขึ้นแล้ว แล้วอยู่โรงพยาบาลมาสักพักแล้ว แม่เจรจาเพื่ออยากจะพาลูกกลับไปรักษาตัวที่บ้าน และพามาพ่นจมูก 2 เวลา สายและก่อนนอน และยังต้องดูดขี้มูกที่จมูกเช่นเคย แต่แม่ไม่ให้ดูดเสมหะในลำคอแล้ว
การดูแลที่บ้าน
คุณแม่มีน้องที่รู้จักเป็นเภสัช น้องเภสัชแนะนำให้น้องทานยาละลายเสมหะแบบซอง (ตามรูปคอมเม้น หมายเลข 1) แม่มิ้วแนะนำเลย ตัวนี้ดีจริง ละลายให้น้องดื่ม แต่ต้องกินน้ำเยอะๆ ในระหว่างวันเลย และทานยาที่หมอให้ปกติ ล้างจมูกทุก 2-3 ชั่วโมง เน้นต้องทานน้ำเยอะๆ ขี้มูกจะออกดีมาก และไปพ่นยาตามที่หมอสั่ง
ตอนกลางคืนต้องสังเกตุน้องให้ดีนะคะ ถ้าน้องหายใจไม่ออก ต้องให้ยาขยายหลอดลมทันที่ คุณหมอจะให้มา หรือเป็นยาหยด ใช้เวลารักษาตัวที่บ้านต่ออีก 5-7 วัน อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น
พอถึงวันนัดหมอ ก็ไปตามนั้น น้องดีขึ้นมากแล้ว จึงเปลี่ยนมาพ่นยาแค่ก่อนนอนอย่างเดียว จนหายค่ะ
แต่ยาละลายเสหมะ ทานตลอดที่กลับบ้านเลยค่ะ มันเริ่ดจริงค่ะคุณแม่
บ้านไหนทานยาละลายเสมหะแบบไหนกันบ้าง ที่บ้านแม่มิ้วมีทุกยี้ห้อเลยค่ะ ตามโรงพยาบาลจะให้แบบที่ 4 แต่น้องปุนทานแล้วอาการไม่ดีขึ้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะคะ) เท่าที่เคยให้ทาน ความชอบส่วนบุคคลนะคะ ของแม่มิ้วให้คะแนนตามลำดับที่แจ้งไว้เลยค่ะ