
รายงานประเมินสภาพจราจรทั่วโลก หรือ Global Traffic Scorecard ประจำปี 2017 ของ INRIX ระบุว่า ไทยครองแชมป์ประเทศที่มีสภาพการจราจรติดขัดที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันจากการจัดอันดับรวม 38 ประเทศ โดยผู้ขับขี่และผู้โดยสารยานพาหนะในไทยจะเสียเวลาติดอยู่บนท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วนเฉลี่ยถึง 56 ชั่วโมงในปีที่แล้ว ซึ่งแม้จะลดลงจาก 61 ชั่วโมงในปี 2016 แต่ก็ยังมากพอที่จะรั้งอันดับ 1 ต่อไป
INRIX เผยไทยครองแชมป์ประเทศรถติดสุดในโลก ใช้เวลาบนถนนกว่า 56 ชั่วโมงต่อปี โดย คมปทิต คงศักดิ์ศรีสกุล

การดำเนินชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ บนรถยนต์จนท้าให้เกิดกลิ่นรบกวนขึ้นมานั้น ย่อมไม่เป็นผลดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ขับขี่ที่ต้องใช้เวลาอยู่ในพื้นที่จ้ากัดท่ามกลาง ความแน่นขนัดของการจราจร ผู้คนจึงมีวิธีการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในรถด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การล้างทำความสะอาดภายในรถ และการใช้ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน อาทิ เตยหอม นอกจากนี้ การเลือก ซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์น้้าหอมปรับอากาศในรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งทางแก้ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์บน รถยนต์ที่รวดเร็วและได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมที่ตนเองต้องการในทันที
การเปิดรับการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร โดย ฐานิตร์ ติระพาณิชย์ (มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 2562)

ในยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตบนท้องถนนและในรถยนต์ส่วนตัวนานขึ้นเรื่อย ๆ น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ได้เปลี่ยนสถานะจากเพียงแค่ “ของประดับ” กลายมาเป็น “สิ่งจำเป็น” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสะท้อนรสนิยมส่วนตัวอย่างชัดเจน ตลาดนี้จึงไม่ใช่ตลาดเล็ก ๆ อีกต่อไป แต่เป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันสูงในรูปแบบ “ผู้ขายน้อยรายที่สินค้าแตกต่างกัน”
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “จะขายน้ำหอมรถยนต์ดีไหม” แต่คือ “จะสร้างแบรนด์น้ำหอมรถยนต์ให้โดดเด่นและยั่งยืนได้อย่างไร” คำตอบอยู่ในงานวิจัยทางการตลาดหลายชิ้นที่ชี้ชัดถึง ช่องว่างและโอกาส ที่นักธุรกิจไม่ควรมองข้าม
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกผลงานวิจัยเหล่านี้ เพื่อตอบคำถามว่า ทำไมการเข้าสู่ตลาดด้วยการ สร้างแบรนด์น้ำหอมรถยนต์ของตัวเอง ที่มีกลยุทธ์ชัดเจนตามข้อมูลงานวิจัย จึงเป็นก้าวที่จำเป็นและคุ้มค่าที่สุดในวันนี้
วันนี้ร้านน้ำหอมรวบรวม 5 งานวิจัยสำคัญด้านการตลาดน้ำหอมรถยนต์
1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร
- ผู้จัดทำ: รชต หวังจันทร (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2551)
- พฤติกรรมการซื้อ:
- ความถี่: ซื้อบ่อยมาก คือ 1 ถึง 12 ครั้งต่อปี (เฉลี่ยประมาณเดือนละครั้ง)
- ปริมาณ: ซื้อครั้งละ 1 ถึง 5 ชิ้น
- งบประมาณต่อครั้ง: โดยเฉลี่ยซื้อในราคา 50 บาท ถึง 800 บาท
- สิ่งที่สำคัญที่สุด:
- ปัจจัยด้าน ราคา มีความสัมพันธ์กับการซื้ออย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ ความหลากหลายของราคา และ ความคุ้มค่า
- ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ ประโยชน์ที่ได้รับจากน้ำหอม มากกว่า คุณภาพ ที่ผู้ขายแจ้ง (เน้นการใช้งานจริง)
- ปัจจัย การส่งเสริมการตลาด (โปรโมชั่น, ลดแลกแจกแถม) อยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง
2. การเปิดรับการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร
- ผู้จัดทำ: ฐานิตร์ ติระพาณิชย์ (มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 2562)
การส่งเสริมการขายที่สำคัญ คือ การลดราคา การมอบของแถม การแจกสินค้าทดลอง
- พฤติกรรมการซื้อ:
- กลุ่มเป้าหมายหลัก: ส่วนใหญ่เป็น เพศชาย อายุ 35−44 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน
- จากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน พบกว่า เมื่อจำแนกตำมเพศแล้ว ส่วนใหญ่เป็น เพศชำย (ร้อยละ 69.81) รองลงมำเป็นเพศหญิง (ร้อยละ 30.19)
- สิ่งที่สำคัญที่สุด:
- การสื่อสารการตลาดที่ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมีนัยสำคัญ มีเพียง 3 ด้าน คือ 1) การโฆษณา 2) การประชาสัมพันธ์ และ 3) กิจกรรมทางการตลาด
- ผู้บริโภคมีการเปิดรับ การประชาสัมพันธ์ สูงที่สุด
- อายุที่แตกต่างกัน มีผลต่อการเปิดรับการสื่อสารการตลาดที่แตกต่างกันใน ทุกด้าน อย่างมีนัยสำคัญ
3. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร
- ผู้จัดทำ: (งานวิจัยอ้างถึงงานวิจัยอื่น) เช่น งานวิจัยที่อ้างถึงการศึกษาปัจจัยด้านประชากรศาสตร์
- พฤติกรรมการซื้อ:
- พนักงานที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูง มีแนวโน้มที่จะซื้อน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์มากกว่าพนักงานที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำ
- ผู้บริโภคที่มีอายุแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการเลือกซื้อและตัดสินใจซื้อแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
- สิ่งที่สำคัญที่สุด:
- ปัจจัยด้าน ราคา มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการซื้อน้ำหอมรถยนต์ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ ราคาที่หลากหลาย และ ความคุ้มค่า
- ปัจจัยด้านอายุมีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ แต่ปัจจัยด้านอายุ ไม่มีผล ต่อระดับการเปิดรับการสื่อสารการตลาด (เช่น การโฆษณา, การส่งเสริมการขาย) ในบางด้าน
4. โครงสร้างตลาดและพฤติกรรมการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ของประเทศไทย
- ผู้จัดทำ: นางสาวดาวใจ ภัทรพิรุฬห์ (สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2550)
- พฤติกรรมการซื้อ:
- ผู้ซื้อส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ ปัจจัยที่ไม่ใช่ราคา มากกว่า เช่น ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่มีสีสัน/ลวดลาย, กลิ่นหอม, และประโยชน์อื่นๆ ที่นอกเหนือจากแค่การให้กลิ่นหอม (เช่น ช่วยขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์)
- สิ่งที่สำคัญที่สุด:
- โครงสร้างตลาดเป็นแบบ ผู้ขายน้อยรายที่สินค้ามีความแตกต่างกัน (Differentiated Oligopoly)
- ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ การแข่งขันที่ไม่ใช่ราคา โดยเน้นที่การ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และ กิจกรรมการส่งเสริมการขาย
- อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสำหรับรายใหม่คือ ต้นทุนการผลิต/จัดจำหน่าย และ ความภักดีในตราสินค้าของผู้บริโภคเดิม ที่มีอยู่มาก
5. (ข้อสังเกตเพิ่มเติมจากข้อมูลตลาดโลก) Car Air Freshener Market Size, Share & Analysis Report
- แหล่งข้อมูล: Global Market Research (เช่น Fortune Business Insights, Mordor Intelligence)
- พฤติกรรมการซื้อ:
- ความต้องการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ/สุขภาพ: ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังหันไปหาผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก ส่วนผสมธรรมชาติ/ Essential Oil และ ปราศจากสารพิษ (Non-toxic/VOC-free) เนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบต่อสุขภาพและระบบแอร์รถยนต์
- ความต้องการผลิตภัณฑ์พรีเมียม: ผู้บริโภคที่มีรายได้สูงขึ้นมีความต้องการน้ำหอมรถยนต์ที่ หรูหรา คงทน และสวยงาม (Luxury and Premium Products)
- สิ่งที่สำคัญที่สุด:
- รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ครองตลาด: คือ แบบแขวน (Hanging) และ แบบเสียบคลิปช่องแอร์ (Air Vent/Clip)
- ตลาดโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง (CAGR ประมาณ 4.0%−5.5%) โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการเป็นเจ้าของรถยนต์และการปรับแต่งรถยนต์ส่วนตัว
- ออนไลน์ เป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่ เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าช่องทางค้าปลีก (Retail Stores) จะยังครองส่วนแบ่งสูงสุดก็ตาม

จากผลงานวิจัยสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อน้ำหอมรถยนต์ของผู้บริโภคในไทย พบว่า:
1. การรับรู้ถึงแบรนด์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ (Product & Brand Perception)
- แบรนด์และความภักดีต่อแบรนด์: แม้ตลาดจะเป็นแบบผู้ขายน้อยรายที่สินค้าแตกต่างกัน (Differentiated Oligopoly) และมีผู้เล่นหลักครองตลาดอยู่แล้ว แต่ความภักดีในตราสินค้าเดิมของผู้บริโภคก็สูง ทำให้แบรนด์ใหม่ต้องสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน
- คุณภาพและประโยชน์ที่ได้รับ: ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และ แบรนด์ ที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังเน้นที่ ประโยชน์ที่ได้รับ จากน้ำหอมมากกว่าคุณภาพที่ผู้ขายแจ้ง ซึ่งหมายถึงแบรนด์ต้องสื่อสารว่าผลิตภัณฑ์สามารถแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ได้อย่างไร (เช่น ดับกลิ่นเฉพาะทาง, ช่วยผ่อนคลาย)
- ปัจจัยด้านสุขภาพและความปลอดภัย: ความกังวลเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย (เช่น พิมเสน, การบูร) ที่ส่งผลต่อสุขภาพและระบบแอร์รถยนต์ เป็นตัวแปรที่ทำให้ผู้บริโภคหันไปเลือกแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมจาก ธรรมชาติ (Natural/Essential Oil) และ ปราศจากสารพิษ (Non-toxic) เพื่อความปลอดภัย
2. ปัจจัยด้านราคาและความคุ้มค่า (Price & Value)
- ความคุ้มค่า (Value for Money): ปัจจัยด้าน ราคา มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจซื้ออย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้บริโภคไม่ได้มองแค่ราคาถูก แต่ให้ความสำคัญกับ ความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณภาพและอายุการใช้งาน
- ความหลากหลายของราคา: การที่แบรนด์มีช่วงราคาให้เลือกซื้อที่หลากหลาย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณา
- ตลาดมีการซื้อซ้ำสูงและต่อเนื่อง: ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อที่บ่อยมาก เฉลี่ย 1 ถึง 12 ครั้งต่อปี (เกือบทุกเดือน) และมีช่วงราคาที่ยอมจ่ายกว้างถึง 50 ถึง 800 บาท ซึ่งหมายความว่า หากแบรนด์สามารถสร้างความประทับใจครั้งแรกได้ จะสามารถสร้าง รายได้ที่มั่นคงจากการซื้อซ้ำ (Repeat Purchase) ได้อย่างง่ายดาย
3. การสื่อสารและการสร้างความน่าเชื่อถือ (Marketing Communications)
- การประชาสัมพันธ์ (Public Relations – PR): ถือเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ผู้บริโภคมีการเปิดรับและได้รับอิทธิพลสูงที่สุด การสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการบอกต่อ, การรีวิวจากเพื่อน, หรือการกล่าวถึงในสื่อต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเลือกยี่ห้อ
- กิจกรรมทางการตลาด (Marketing Activities): เช่น การจัดบูธ, การทดลองกลิ่น, หรือการเข้าร่วมอีเวนต์ต่างๆ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อ
- การโฆษณา (Advertising): เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อ ช่วยในการสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์
สรุปตัวแปรที่สำคัญที่สุด
ตัวแปรที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อการตัดสินใจซื้อน้ำหอมรถยนต์คือการรับรู้ของผู้บริโภคต่อ
1. คุณภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ร่วมกับการ
2. รับรู้ประโยชน์ที่ได้รับ/ความปลอดภัยต่อสุขภาพ
3. การสื่อสารการตลาดที่เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือ (PR และกิจกรรม)
หากคุณเป็นคนที่มองเห็นโอกาส จงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้
ร้านน้ำหอมกัลยา รับสร้างแบรนด์น้ำหอมรถยนต์
เริ่มต้นที่ 200 ขวด

สนใจทำแบรนด์น้ำหอม หรือ สอบถามรายละเอียด
