ความแตกต่างของน้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์

น้ำหอมรถยนต์มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามส่วนประกอบ ได้แก่ น้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์และน้ำหอมรถยนต์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ ดังนี้:

ส่วนประกอบ

น้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์: มีส่วนประกอบหลักคือตัวทำละลายและหัวน้ำหอม ส่วนแอลกอฮอล์ใส่ในปริมาณที่น้อยมาๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายหัวน้ำหอมและช่วยกระจายกลิ่นหอม
น้ำหอมรถยนต์แบบไม่มีแอลกอฮอล์: มีส่วนประกอบหลักเป็นตัวทำละลายและหัวน้ำหอม โดยไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

กลิ่น

ความแตกต่างของน้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ 2

น้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์: ส่งกลิ่นได้ค่อนข้างแรงและระเหยค่อนข้างเร็ว
น้ำหอมรถยนต์แบบไม่มีแอลกอฮอล์: ส่งกลิ่นได้น้อยกว่า ควรเลือกกลิ่นที่มีความเข้มข้นสูง ระเหยช้ากว่าแบบมีแอลกอฮอล์

ความปลอดภัย

น้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์เป็นสารระเหยที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากสูดดมในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังเป็นสารไวไฟ ควรเก็บให้ห่างจากความร้อนและเปลวไฟ
น้ำหอมรถยนต์แบบไม่มีแอลกอฮอล์: มีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์

ผลกระทบต่อภายในรถยนต์

น้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์อาจทำให้วัสดุภายในรถยนต์บางชนิดเสียหาย เช่น หนัง หรือพลาสติก
น้ำหอมรถยนต์แบบไม่มีแอลกอฮอล์: ไม่ส่งผลเสียต่อภายในรถยนต์

ราคา

น้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์: มักมีราคาถูกกว่า
น้ำหอมรถยนต์แบบไม่มีแอลกอฮอล์: มักมีราคาสูงกว่า เนื่องจากมีส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งมีราคาสูงกว่า

สรุป

ความแตกต่างของน้ำหอมรถยนต์แบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ 3

ข้อควรระวัง:
ส่วนประกอบของน้ำหอมรถยนต์ทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอลืต่างก็มีข้อดีข้อเสีย แตกต่างกันออก แต่ที่สำคัญคือ หัวน้ำหอมจะต้องมีคุณภาพเพื่อสามารถส่งกลิ่นผ่านฝาไม้ของขวดน้ำหอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ