“คุณเคยเดินเข้าร้านกาแฟแล้วรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เพียงเพราะกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟที่อบอวลอยู่รอบ ๆ หรือไม่?” หรือ “ทำไมแบรนด์ดังระดับโลกถึงให้ความสำคัญกับกลิ่นเฉพาะตัวของพวกเขา?” นั้นคือ Scent Marketing หรือ การตลาดด้วยกลิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นกลยุทธ์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน
ความสำคัญของ Scent Marketing หรือ พลังของกลิ่นที่มีต่อการตลาดสรุปได้ดังนี้:
สร้างการจดจำแบรนด์ที่เหนือกว่า: กลิ่นช่วยสร้างความทรงจำที่ฝังลึกและยาวนานกว่าภาพหรือเสียง ลูกค้าที่ได้กลิ่นเฉพาะของแบรนด์หนึ่ง ๆ ในที่อื่นจะสามารถเชื่อมโยงกลิ่นนั้นกลับมายังแบรนด์ได้ทันที ทำให้เกิดการจดจำที่แม่นยำและแข็งแกร่ง
กระตุ้นอารมณ์และประสบการณ์เชิงบวก: กลิ่นสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของผู้คนได้ เช่น กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ส่วนกลิ่นซิตรัสช่วยให้รู้สึกสดชื่น แบรนด์สามารถใช้กลิ่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ ทำให้ลูกค้าอยากใช้เวลาในร้านนานขึ้นและมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามาก
เพิ่มมูลค่าการรับรู้: การมีกลิ่นหอมในพื้นที่ขายทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าและบริการมีคุณภาพดีขึ้น มีการวิจัยพบว่าลูกค้าบางคนยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 10-15% สำหรับสินค้าในพื้นที่ที่มีกลิ่นหอม
กระตุ้นพฤติกรรมการซื้อ: กลิ่นที่เหมาะสมสามารถกระตุ้นความอยากซื้อสินค้าได้โดยตรง เช่น กลิ่นขนมอบในซูเปอร์มาร์เก็ตช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร หรือกลิ่นกาแฟในร้านสะดวกซื้อสามารถเพิ่มยอดขายกาแฟได้ถึง 55%
สร้างความผูกพันกับแบรนด์: เมื่อกลิ่นที่ใช้เชื่อมโยงกับความรู้สึกดี ๆ ของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์นั้น ๆ มากขึ้น
ตัวอย่างการทำ Scent Marketing 5 ตัวอย่าง
โรงแรม โรงแรม Westin Hotels & Resorts: โรงแรม Westin ใช้กลิ่น White Tea เป็นกลิ่นประจำแบรนด์ ซึ่งเป็นกลิ่นหอมสะอาด, สดชื่น, และผ่อนคลาย กลิ่นนี้ถูกใช้ในทุกพื้นที่ของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้, ห้องพัก, หรือสปา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบและทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ทันทีที่ก้าวเข้ามา: โรงแรม Westin ใช้กลิ่น White Tea เป็นกลิ่นประจำแบรนด์ ซึ่งเป็นกลิ่นหอมสะอาด, สดชื่น, และผ่อนคลาย กลิ่นนี้ถูกใช้ในทุกพื้นที่ของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้, ห้องพัก, หรือสปา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบและทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ทันทีที่ก้าวเข้ามา
ร้านกาแฟ Starbucks: แม้จะไม่ได้ใช้กลิ่นสังเคราะห์ แต่กลิ่น กาแฟคั่วบดสดใหม่ ที่อบอวลอยู่ในร้านคือตัวอย่าง Scent Marketing ที่ทรงพลัง กลิ่นนี้สร้างความรู้สึกอบอุ่น, เป็นมิตร และกระตุ้นให้ลูกค้าอยากสั่งกาแฟหรือขนมอบ
ร้านค้าปลีก LUSH: ร้านเครื่องสำอาง LUSH ใช้กลิ่นที่ เป็นเอกลักษณ์และเข้มข้น ของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติ ซึ่งส่งกลิ่นหอมออกมานอกร้าน ดึงดูดให้ผู้คนเดินผ่านไปมาอยากเข้าไปสำรวจภายในร้าน
สายการบิน Singapore Airlines: Singapore Airlines ใช้กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เรียกว่า Stefan Floridian Waters ซึ่งเป็นกลิ่นที่ผสมจากดอกกุหลาบและซิตรัส กลิ่นนี้ถูกฉีดพ่นในเครื่องบินและใช้ในผ้าเช็ดตัวร้อนที่ให้บริการ เพื่อสร้างความรู้สึกหรูหราและเป็นเอกลักษณ์ในทุกการเดินทาง
โรงภาพยนตร์ Popcorn, Inc.: โรงภาพยนตร์หลายแห่งใช้กลิ่น ป๊อปคอร์นเนย ที่อบอวลอยู่บริเวณล็อบบี้และหน้าเคาน์เตอร์ขายอาหาร กลิ่นนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดให้คนอยากซื้อป๊อปคอร์น แต่ยังสร้างบรรยากาศของความบันเทิงและกระตุ้นให้ผู้คนรู้สึกสนุกสนานก่อนเข้าไปชมภาพยนตร์
โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ นะคะ จากเดิมจากที่ลูกค้ามีความต้องการกลิ่นเทียบเคียงเคาน์เตอร์แบรนด์เพราะว่าอาจจะด้วยรู้สึกว่ามัน comfort zone รู้สึกมั่นใจรู้สึกสบายใจที่จะใช้กลิ่นตัวเทียบเคียง
แต่ตอนนี้ความนิยมกลิ่น signature หรือกลิ่นเบรนกลิ่นเฉพาะกลิ่น identity ของแบรนด์ กลับมามีความนิยมมาก ทั้งในเรื่องของการทำแบรนด์น้ำหอม เพราะไม่อยากใช้กลิ่นซ้ำใคร ต้องการที่จะมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร มีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆนะคะ
ใครที่อยากจะทำแบรนด์แล้วก็อยากจะมีกลิ่นเฉพาะกลิ่นที่ไม่เหมือนใครเนี่ยก็สามารถเข้ามาสอบถามทางร้านได้เรารับออกแบบกลิ่นรับสร้างกลิ่นใหม่หรืออยากได้กลิ่นแบบไหนแจ้งเข้ามาได้เลยค่ะ
