ก่อนอื่นเลย ก่อนจะตั้งราคาขายได้ ต้องทราบราคาต้นทุนที่แท้จริงก่อน
ราคาต้นทุนที่แท้จริง คือ ราคาสินค้า ราคาขนส่ง ราคากล่อง ค่าการตลาด ค่าแรง ค่าของหากของเสียหายระหว่างการขนส่งหรือมีปัญหาอย่างอื่น
การตั้งราคาขายแบบสะท้อนต้นทุน
เมื่อทราบราคาต้นทุนที่แท้จริง ให้เปรียบเทียบกับราคาตลาด แต่ไม่ใช่ว่าตลาดขายถูก เราต้องขายถูกตาม เพราะเราต้องคำนึงจากราคาต้นทุนที่แท้จริงของเรา เทียบกับคุณภาพของเรา การตั้งราคาขายสูงไม่ได้แปลว่าจะขายไม่ได้ แต่มันหมายความว่า สินค้ามีคุณภาพ รวมถึงคุณค่าของแบรนด์ที่เราตั้งขึ้นทำขึ้น
การตั้งราคาขายโดยอิงตลาด
อีกอย่างการจะตั้งราคาขายถูกหรือแพง ต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าของคุณด้วย หากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นกลุ่มชอบของราคาไม่แพงมาก แต่ซื้อบ่อย ซื้อต่อครั้งหลายขวด คุณก็ต้องผลิตน้ำหอมที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าของคุณได้ เช่น ผลิตน้ำหอมขนาด 30 ml แบบติดทนเล็กน้อย ไม่ต้องทำกล่อง เพื่อลดต้นทุน เพราะลูกค้าของคุณเน้นที่ราคา แต่ทั้งนั้นกลิ่นน้ำหอมต้องดีด้วย ไม่ใช่กลิ่นเพี้ยน ก็จะไม่ตอบโจทย์เช่นกัน
หรือ หากลูกค้าของคุณเป็นเกรดใช้ของแพง หรือใช้ของเคาน์เตอร์แบรนด์อยู่แล้ว สามารถจ่ายต่อบิลได้สูงหน่อย คุณก็ผลิตน้ำหอมแบบ 30 ml เลือกขวดสวยๆ ทำแพ็คเกจสวยๆ เน้นความติดทนและหรูหรา คุณก็สามารถตั้งราคาสูงได้ตามคุณภาพและความหรูหราของแพคเกจ
แต่ก็จะมีน้ำหอมที่สามารถตั้งราคาสูงได้แต่คุณภาพปานกลาง
ข้อคิดเพื่อการตั้งราคาขาย
อย่างไรก็ดี น้ำหอมที่คุณภาพดีมากแต่ราคาถูกอาจจะไม่มีหรือมีน้อยมาก เพราะราคาจะแปรผันกับคุณภาพเสมอ ของถูกและดีมีอยู่จริง แต่มีน้อย หรือเจ้าของแบรนด์เค้าอาจจะผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละล็อต จนได้ราคาต้นทุนที่ถูกมาก เพราะเจ้าของแบรนด์ประเภทนี้จะมาด้วยราคาในใจ เช่น อยากได้น้ำหอมที่ติดทน ขนาด 30 ml ราคา 90 บาทต่อขวดพร้อมกล่อง ถามว่าทางร้านทำได้ไหม ต้องทำได้อยู่แล้ว แต่จำนวนการผลิตก็จะเยอะ และรูปแบบกล่องอาจจะไม่มีออพชั่น
เพราะฉะนั้นการตั้งราคาขาย อยู่ที่ความพอใจของเจ้าของแบรนด์เลย แต่ต้องตั้งราคาจากต้นทุนที่แท้จริง ไม่งั้นอาจจะขายดีแต่เจ๊งนะคะ
สอบถามเรื่องการผลิตน้ำหอม ทักไลน์มาคุยกันค่ะ